เมืองเล็กๆที่ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกสและฮอลันดาอย่างมาก ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มที่ติดต่อกับชาวยุโรป สภาพตึกรามบ้านช่องทั้งหลายรวมไปถึงศาสนสถานล้วนแต่แฝงเจือด้วยความเป็นตะวันตกไว้อย่างสวยงาม แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความเป็นจีนผสมผสานเข้ามาด้วย หรือที่เรียกว่าศิลปะแบบชิโนโปรตุกีส ที่เราคุ้นเคยกันดีในจังหวัดภูเก็ต แต่ที่นี่มีมากกว่านั้นก็คือมีศิลปะแบบดัตช์ผสมเข้ามาด้วย ความน่ารักของเมืองนี้อยู่ที่สีสันอาคารที่สวยบาดตาบาดใจ โดยเฉพาะในบริเวณจัตุรัสกลางเมืองที่มีโบสถ์สีแดงเด่นสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศิลปวัฒนธรรมและอาหารการกิน ก็ยังมีการผสมผสานวัฒนธรรมมลายู จีน และยุโรปกันอย่างลงตัว และเสน่ห์ทั้งหมดนี้เอง ทำให้เมืองเล็กๆเมืองนี้เป็นอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
Place
ที่จัตุรัสดัตช์ (Dutch Square) ใจ คือลานกว้างที่คึกคักและมีสีสันมากที่สุด ส่วนที่เด่นสะดุดตาอยู่ท่ามกลางร้านค้ามากมายก็คือโบสถ์แดงแห่งมะละกา (Christ church Melaka) ที่โดดเด่นด้วยสีสันจัดจ้าน ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสดัตช์ สร้างขึ้นจากอิฐที่นำเข้าจากฮอลันดา โดยสิ่งก่อสร้างอื่นๆในบริเวณจัตุรัสนี้จะมีสีแดงเช่นเดียวกันทั้งสิ้น เนื่องจากใช้วัสดุนำเข้าจากที่เดียวกัน ใกล้กันนั้นจะมีน้ำพุหน้าโบสถ์ ซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของหนุ่มสาว รวมถึงเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกันกับหอนาฬิกาสีแดงที่ยังคงบอกเวลาเที่ยงตรงอยู่ที่จัตุรัสมาตั้งแต่ปีค.ศ.1886 เมื่อออกนอกบริเวณจัตุรัสไปจะมีทางเดินลัดเลาะผ่านโบสถ์น้อยใหญ่มากมาย โบสถ์ที่สำคัญที่สุดก็คือโบสถ์เซนต์พอล (St.Paul’s Church) ที่สร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกส ตัวโบสถ์เก่าแก่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน เมื่อออกมาจากโบสถ์แล้ว หากยังอยากชมพิพิธภัณฑ์ต่อ ก็มี พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์มะละกา (Maritime Museum Melaka) ที่รวบรวมประวัติการเดินเรือของต่างชาติทั้งหลายที่เข้ามายังเมืองนี้ เนื่องจากเมืองนี้นับเป็นเมืองท่าที่สำคัญในยุคสมัยการเดินเรือของเอเชีย